มนต์เสน่ห์ เชียงคาน เมืองริมน้ำโขง
มนต์เสน่ห์ เชียงคาน เมืองริมน้ำโขง
... เหมือนเวลาจะหมุนช้าลง เมื่อมาเยือน เชียงคาน ...
คงไม่ใช่คำกล่าวอ้างที่ผิดนัก เพราะ เชียงคาน อำเภอเล็ก ๆ ในจังหวัดเลย ยังคงอารยธรรมแห่งลุ่มน้ำโขง ที่ผสมผสานกับความทันสมัยของโลกปัจจุบันได้อย่างลงตัว ความเงียบสงบของเมือง ความน่ารักของผู้คน ที่ยังดำรงวิถีชีวิตแบบราบเรียบ และกลมเกลียวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้อย่างแนบแน่นดีเยี่ยม รวมไปถึงทัศนียภาพพริมฝั่งโขงที่สวยงาม คงเป็นเอกลักษณ์สำคัญที่ทำให้นักเดินทางมักแวะเวียนไปต้องมนต์เสน่ห์ ณ เชียงคาน
แต่่จริง ๆ แล้ว เชียงคาน ยังมีอะไรดี ๆ เด็ด ๆ รอให้คนที่ชื่นชอบวิถีชีวิตท้องถิ่น รักความงามของอดีตกาล ไปสัมผัสถึงความเป็น เชียงคาน ให้เห็นด้วยตา ซึ่งวันนี้กระปุกดอทคอมก็พร้อมจะพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักกับ เชียงคาน ให้มากขึ้นอีก ถ้าใครพร้อมแล้วก็ตามเราเข้าไปเที่ยว เชียงคานเลย...
เชียงคาน เป็นอำเภอหนึ่งของ จังหวัดเลย ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 940.45 ตารางกิโลเมตร แต่เดิม เชียงคาน ตั้งอยู่ที่ เมืองชะนะคาม ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ก่อตั้งขึ้นประมาณพ.ศ. 1400 โดย ขุนคาม แห่งอาณาจักรล้านช้าง ต่อมา พ.ศ.2250 อาณาจักรล้านช้างแยกออกเป็นสองอาณาจักร คือ อาณาจักรหลวงพระบาง และ อาณาจักรเวียงจันทน์ โดยกำหนดอาณาเขตให้ดินแดนเหนือแม่น้ำเหืองขึ้นไปเป็นอาณาเขตหลวงพระบาง และใต้แม่น้ำเหืองลงมาเป็นอาณาเขตเวียงจันทน์
ใน พ.ศ.2320 พระเจ้ากรุงธนบุรี โปรดให้ เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก กับ พระสุรสีห์ ยกทัพไปตีกรุงเวียงจันทน์ เมื่อรบชนะจึงได้อันเชิญ พระแก้วมรกต กลับมายังกรุงธนบุรี และทำการรวมอาณาจักรล้านช้างเข้ามาเป็นประเทศราชของไทย พร้อมกับกวาดต้อนพลเมืองมาอยู่เมืองปากเหือง
จากนั้นสมัยรัชกาลที่ 3 เจ้าอนุวงศ์ เจ้าเมืองเวียงจันทน์ คิดกอบกู้เอกราชเพื่อแยกเป็นอิสระจากไทย แต่ในที่สุด เจ้าอนุวงศ์ ถูกจับขังจนสิ้นชีวิต กองทัพไทยที่ยกมาปราบ เจ้าอนุวงศ์ ได้ยกทัพไปกวาดต้อนผู้คนจากฝั่งซ้ายของลำน้ำโขงมายังเมืองปากเหืองมากขึ้น พระเจ้ากรุงธนบุรี จึงโปรดเกล้าฯ ให้ พระอนุพินาศ (กิ่งต้นสกุลเครือทองศรี) เป็นเจ้าเมืองปากเหืองคนแรก พระราชทานชื่อเมืองใหม่ว่า เมืองเชียงคาน
ครั้นถึงสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พวกจีนฮ่อได้ยกทัพมาตีเมืองเวียงจันทน์ และได้เข้าปล้นสดมภ์เมืองเชียงคานเดิมที่อยู่ฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง ชาวเชียงคานเดิมจึงอพยพผู้คนไปอยู่เมืองเชียงคานใหม่ (เมืองปากเหือง) ครั้นต่อมาเห็นว่าชัยภูมิเมืองเชียงคานใหม่ (เมืองปากเหือง) ไม่เหมาะสม ผู้คนจึงอพยพไปอยู่ที่ บ้านท่านาจันทร์ (ใกล้กับที่ตั้งของอำเภอเชียงคานปัจจุบัน) แล้วตั้งชื่อใหม่ว่า เมืองใหม่เชียงคาน ต่อมาไทยได้เสียดินแดนฝั่งขวาแม่น้ำโขงให้กับฝรั่งเศส ทำให้เมืองปากเหืองตกเป็นของฝรั่งเศส คนไทยที่อยู่เมืองปากเหืองจึงอพยพมาอยู่ เมืองใหม่เชียงคาน หรือ อำเภอเชียงคาน ในปัจจุบันตราบเท่าทุกวันนี้
สำหรับแหล่งท่องเที่ยวเที่ยวแจ่ม ๆ ของ เชียงคาน ได้แก่ ...
วัดศรีคุณเมือง ตั้งอยู่ที่ซอย 7 ถนนชายโขง ทางด้านเหนือของตลาดเชียงคาน มีกำแพงแก้วล้อมรอบตัวพระอุโบสถ วัดนี้เป็นแหล่งรวมงานศิลปะทั้งแบบล้านนาและล้านช้างดังจะเห็นได้จากโบสถ์ ซึ่งหลังคาลดหลั่นอย่างศิลปะล้านนา ศิลปวัตุที่สำคัญมีหลายชิ้น เช่น พระพุทธรูปไม้จำหลัก มีพระเกศาเป็นปุ่มแหลมเล็ก พระกรรณค่อนข้างแหลมและยาว ลงรักปิดทองปางประทานอภัยแบบล้านช้าง สันนิษฐานว่ามีอายุในราวพุทธศตวรรษที่ 24-25 นอกจากนี้ ในวัดยังมีธรรมาสน์ไม้แกะสลักลงรักปิดทองทุกด้านที่พนักหลังมียอดคล้ายปราสาท ด้านหน้าโบสถ์มีภาพจิตรกรรมฝาผนังอยู่เต็มหน้าบัน ภาพทั้งหมดเป็นภาพนิทานชาดกชุดพระเจ้าสิบชาติซึ่งวาดขึ้นใหม่แทนของเดิม
วัดท่าแขก เป็นวัดเก่าแก่โบราณ อยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ห่างจากอำเภอเชียงคาน 2 กิโลเมตร ก่อนถึงหมู่บ้านน้อย และแก่งคุดคู้ ปัจจุบันเป็น วัดธรรมยุติ ภายในโบสถ์มีพระพุทธรูป 3 องค์ สกัดจากหินแกรนิตทั้งก้อน หน้าตักกว้าง 2 ศอก เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์มาก
พระพุทธบาทภูควายเงิน ตั้งอยู่ที่บ้านอุมุง ตำบลบุฮม ตามเส้นทางสายเชียงคาน-ปากชม ระยะทาง 6 กิโลเมตร ถึงหมู่บ้านผาแบ่นมีทางแยกเข้าบ้านอุมุง 3 กิโลเมตร จะถึงทางขึ้นเขาเป็นทางลูกรังระยะทาง 1 กิโลเมตร เป็นรอยพระพุทธบาทที่ตั้งอยู่บนหินลับพร้า (หินลับมีด) ประชาชนเคารพนับถือมาก จะมีงานเทศกาลประจำปีในวันเพ็ญเดือน 3 หรือเดือน 4 ของทุกปี
เชียงคาน
พระใหญ่ภูคกงิ้ว เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า พระพุทธนวมินทรมงคลลีลา ทวินคราภิรักษ์ ตั้งอยู่ที่ภูคกงิ้ว บ้านท่าดีหมี ตำบลปากตม ประดิษฐานอยู่บนเนินเขาบริเวณปากลำน้ำเหืองจรดกับแม่น้ำโขง เป็นพระพุทธรูปปางลีลาประทานพร หล่อด้วยไฟเบอร์ผสมเรซิ่นสีทองทั้งองค์ สูง 19 เมตรตัวฐานกว้าง 7.2 เมตร สร้างขึ้นโดยกองทัพภาคที่ 2 และประชาชน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครบ 6 รอบ เมื่อ พ.ศ.2542 และในมหามงคลแห่งราชพิธิราชาภิเษก ครบ 50 ปี พ.ศ. 2543 สร้างแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2544 บริเวณโดยรอบสามารถชมทัศนียภาพที่สวยงามของแม่น้ำโขง และประเทศลาวได้ การเดินทาง จากตัวเมืองเลยทางหลวงหมายเลข 201 (เลย-เชียงคาน) ไป 47 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายบริเวณสามแยกตรงไปจนถึงบ้านท่าดีหมี่ แล้วเลี้ยวขวาที่โรงเรียนบ้านท่าดีหมี่ ไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร
แก่งคุดคู้ เป็นแก่งหินใหญ่ขวางอยู่กลางลำน้ำโขง ห่างจากตัวอำเภอเชียงคานประมาณ 3 กิโลเมตร ประกอบด้วย หินก้อนใหญ่ ๆ เป็นจำนวนมาก จากการที่หินเหล่านี้อยู่ใต้น้ำเป็นเวลานาน ทำให้หินเหล่านี้มีสีสัน ไปต่าง ๆ ตัวแก่งกว้างใหญ่เกือบจรดสองฝั่งแม่น้ำโขง มีกระแสน้ำไหลผ่านไปเพียงช่องแคบ ๆ ใกล้ฝั่งไทยเท่านั้นเอง ซึ่งกระแสน้ำเชี่ยวกราก เวลาที่เหมาะจะชมแก่งคุดคู้ที่สุดคือ เดือนกุมภาพันธ์ ถึง เดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นเวลาที่น้ำแห้ง มองเห็นเกาะแก่งชัดเจน บริเวณแก่งมีร้านอาหารจำหน่ายมากมาย
เชียงคาน
จุดชมวิวภูทอก ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเมืองเชียงคาน เป็นเพียงภูเขาลูกเล็ก ๆ แต่ ภูทอก แห่งนี้ก็มีเสน่ห์ที่เป็นจุดชมวิว ชมความงามของแม่น้ำโขง เมืองสานะคาม และแก่งคุดคู้ได้อย่างชัดเจน และเสน่ห์ยิ่งกว่านั้นของ ภูทอก ในฤดูฝนและฤดูหนาวจะถูกปกคลุมไปด้วยผ้าห่มหมอก หากได้มองจากยอดภูทอกจะเห็นเป็นทะเลหมอกได้แบบรอบทิศเลยทีเดียว การเดินทาง สามารถขับรถขึ้นไปได้ เริ่มจากซอยข้างโรงพยาบาลเชียงคาน ตรงไปเรื่อย ๆ จนถึงทางสามแยกตีนภูทอก แล้วเลี้ยวซ้ายตามถนนตัดใหม่ จะเป็นทางเข้าสู่เส้นทางขึ้นยอดภูทอก หากไม่ทราบเส้นทางที่แน่ชัดก็สามารถสอบถามคนเชียงคานได้เลย
ปัจจุบันแม้ว่าบ้านเรือนอาคารต่าง ๆ ภายใน เชียงคาน จะแปลเปลี่ยนดัดแปลงมาทำ โรงแรม เกสต์เฮ้าส์ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ แกลอรี่ ร้านขายของที่ระลึก ร้านขายโปสต์การ์ด ฯลฯ แต่ความเป็นเชียงคาน ก็ยังคงอยู่เฉกเช่นวันวาน วัฒธรรมการตักบาตรข้าวเหนียวยามเช้าแบบเมืองหลวงพระบาง ที่เชียงคาน ก็มีให้เห็นเหมือนเคย ในช่วงเวลาประมาณ 06.00 – 06.30 น. จะมีผู้คนมารอใส่บาตรข้าวเหนียวยามเช้าเป็นประจำทุกวัน
ในส่วนของที่พัก ในเมือง เชียงคาน มีให้เลือกมากมาย หลายแบบหลายสไตล์ ราคาคละเคล้ากันไป เริ่มตั้งแต่ประมาณ 300 บาทต่อคืน ไปจนถึงประมาณ 3,000 บาท ใครที่ต้องการดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
สมแล้วกับคำขวัญที่ว่า...เชียงคาน เมืองคนงาม ข้าวหลามยาว มะพร้าวแก้ว เพริศแพร้วเกาะแกง แหล่งวัฒนธรรม น้อมนำศูนย์ศิลปาชีพ
การเดินทาง
รถยนต์
เส้นทางที่ 1 : จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) ผ่านตัวเมืองสระบุรี ตรงเข้าทางหลวงหมายเลข 21 ผ่านจังหวัดเพชรบูรณ์ ต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 203 ผ่านอำเภอหล่มสัก หล่มเก่า เข้าเขตจังหวัดเลยที่อำเภอด่านซ้าย อำเภอภูเรือ ถึงตัวเมืองเลยใช้เวลาเดินทางประมาณ 7-8 ชั่วโมง
เส้นทางที่ 2 : จากสระบุรี ใช้ทางหลวงหมายเลข 2 มิตรภาพ ผ่านจังหวัดนครราชสีมา ถึงจังหวัดขอนแก่น แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 12 ผ่านอำเภอชุมแพ แล้วใช้เส้นทางหมายเลข 201 เข้าเขตจังหวัดเลยที่อำเภอภูกระดึง อำเภอวังสะพุง ถึงตัวเมืองเลยได้เช่นเดียวกัน
รถไฟ
จังหวัดเลยไม่มีสถานีรถไฟ นักท่องเที่ยวต้องเดินทางไปลงที่สถานีอุดรธานี และต่อรถโดยสารประจำทางไป จังหวัดเลยได้ สอบถามตารางรถไฟได้ที่ หน่วยบริการเดินทาง การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร.1690, 0 2233 7010, 0 2223 7020 หรือ สถานีอุดรธานี โทร. 0 4222 2061 www.railway.co.th
รถโดยสารประจำทาง
บริษัท ขนส่ง จำกัด มีรถโดยสารประจำทางวิ่งระหว่างกรุงเทพฯ-เลย ทุกวัน ทั้งรถธรรมดาและรถปรับอากาศ ใช้เวลาประมาณ 10 ชั่วโมง รายละเอียดสอบถามที่สถานีขนส่ง หมอชิต 2 โทร.0 2936 2852-66 www.transport.co.t
h
... เหมือนเวลาจะหมุนช้าลง เมื่อมาเยือน เชียงคาน ...
คงไม่ใช่คำกล่าวอ้างที่ผิดนัก เพราะ เชียงคาน อำเภอเล็ก ๆ ในจังหวัดเลย ยังคงอารยธรรมแห่งลุ่มน้ำโขง ที่ผสมผสานกับความทันสมัยของโลกปัจจุบันได้อย่างลงตัว ความเงียบสงบของเมือง ความน่ารักของผู้คน ที่ยังดำรงวิถีชีวิตแบบราบเรียบ และกลมเกลียวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้อย่างแนบแน่นดีเยี่ยม รวมไปถึงทัศนียภาพพริมฝั่งโขงที่สวยงาม คงเป็นเอกลักษณ์สำคัญที่ทำให้นักเดินทางมักแวะเวียนไปต้องมนต์เสน่ห์ ณ เชียงคาน
แต่่จริง ๆ แล้ว เชียงคาน ยังมีอะไรดี ๆ เด็ด ๆ รอให้คนที่ชื่นชอบวิถีชีวิตท้องถิ่น รักความงามของอดีตกาล ไปสัมผัสถึงความเป็น เชียงคาน ให้เห็นด้วยตา ซึ่งวันนี้กระปุกดอทคอมก็พร้อมจะพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักกับ เชียงคาน ให้มากขึ้นอีก ถ้าใครพร้อมแล้วก็ตามเราเข้าไปเที่ยว เชียงคานเลย...
ใน พ.ศ.2320 พระเจ้ากรุงธนบุรี โปรดให้ เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก กับ พระสุรสีห์ ยกทัพไปตีกรุงเวียงจันทน์ เมื่อรบชนะจึงได้อันเชิญ พระแก้วมรกต กลับมายังกรุงธนบุรี และทำการรวมอาณาจักรล้านช้างเข้ามาเป็นประเทศราชของไทย พร้อมกับกวาดต้อนพลเมืองมาอยู่เมืองปากเหือง
จากนั้นสมัยรัชกาลที่ 3 เจ้าอนุวงศ์ เจ้าเมืองเวียงจันทน์ คิดกอบกู้เอกราชเพื่อแยกเป็นอิสระจากไทย แต่ในที่สุด เจ้าอนุวงศ์ ถูกจับขังจนสิ้นชีวิต กองทัพไทยที่ยกมาปราบ เจ้าอนุวงศ์ ได้ยกทัพไปกวาดต้อนผู้คนจากฝั่งซ้ายของลำน้ำโขงมายังเมืองปากเหืองมากขึ้น พระเจ้ากรุงธนบุรี จึงโปรดเกล้าฯ ให้ พระอนุพินาศ (กิ่งต้นสกุลเครือทองศรี) เป็นเจ้าเมืองปากเหืองคนแรก พระราชทานชื่อเมืองใหม่ว่า เมืองเชียงคาน
ครั้นถึงสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พวกจีนฮ่อได้ยกทัพมาตีเมืองเวียงจันทน์ และได้เข้าปล้นสดมภ์เมืองเชียงคานเดิมที่อยู่ฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง ชาวเชียงคานเดิมจึงอพยพผู้คนไปอยู่เมืองเชียงคานใหม่ (เมืองปากเหือง) ครั้นต่อมาเห็นว่าชัยภูมิเมืองเชียงคานใหม่ (เมืองปากเหือง) ไม่เหมาะสม ผู้คนจึงอพยพไปอยู่ที่ บ้านท่านาจันทร์ (ใกล้กับที่ตั้งของอำเภอเชียงคานปัจจุบัน) แล้วตั้งชื่อใหม่ว่า เมืองใหม่เชียงคาน ต่อมาไทยได้เสียดินแดนฝั่งขวาแม่น้ำโขงให้กับฝรั่งเศส ทำให้เมืองปากเหืองตกเป็นของฝรั่งเศส คนไทยที่อยู่เมืองปากเหืองจึงอพยพมาอยู่ เมืองใหม่เชียงคาน หรือ อำเภอเชียงคาน ในปัจจุบันตราบเท่าทุกวันนี้
สำหรับแหล่งท่องเที่ยวเที่ยวแจ่ม ๆ ของ เชียงคาน ได้แก่ ...
วัดศรีคุณเมือง ตั้งอยู่ที่ซอย 7 ถนนชายโขง ทางด้านเหนือของตลาดเชียงคาน มีกำแพงแก้วล้อมรอบตัวพระอุโบสถ วัดนี้เป็นแหล่งรวมงานศิลปะทั้งแบบล้านนาและล้านช้างดังจะเห็นได้จากโบสถ์ ซึ่งหลังคาลดหลั่นอย่างศิลปะล้านนา ศิลปวัตุที่สำคัญมีหลายชิ้น เช่น พระพุทธรูปไม้จำหลัก มีพระเกศาเป็นปุ่มแหลมเล็ก พระกรรณค่อนข้างแหลมและยาว ลงรักปิดทองปางประทานอภัยแบบล้านช้าง สันนิษฐานว่ามีอายุในราวพุทธศตวรรษที่ 24-25 นอกจากนี้ ในวัดยังมีธรรมาสน์ไม้แกะสลักลงรักปิดทองทุกด้านที่พนักหลังมียอดคล้ายปราสาท ด้านหน้าโบสถ์มีภาพจิตรกรรมฝาผนังอยู่เต็มหน้าบัน ภาพทั้งหมดเป็นภาพนิทานชาดกชุดพระเจ้าสิบชาติซึ่งวาดขึ้นใหม่แทนของเดิม
วัดท่าแขก เป็นวัดเก่าแก่โบราณ อยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ห่างจากอำเภอเชียงคาน 2 กิโลเมตร ก่อนถึงหมู่บ้านน้อย และแก่งคุดคู้ ปัจจุบันเป็น วัดธรรมยุติ ภายในโบสถ์มีพระพุทธรูป 3 องค์ สกัดจากหินแกรนิตทั้งก้อน หน้าตักกว้าง 2 ศอก เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์มาก
พระพุทธบาทภูควายเงิน ตั้งอยู่ที่บ้านอุมุง ตำบลบุฮม ตามเส้นทางสายเชียงคาน-ปากชม ระยะทาง 6 กิโลเมตร ถึงหมู่บ้านผาแบ่นมีทางแยกเข้าบ้านอุมุง 3 กิโลเมตร จะถึงทางขึ้นเขาเป็นทางลูกรังระยะทาง 1 กิโลเมตร เป็นรอยพระพุทธบาทที่ตั้งอยู่บนหินลับพร้า (หินลับมีด) ประชาชนเคารพนับถือมาก จะมีงานเทศกาลประจำปีในวันเพ็ญเดือน 3 หรือเดือน 4 ของทุกปี
เชียงคาน
พระใหญ่ภูคกงิ้ว เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า พระพุทธนวมินทรมงคลลีลา ทวินคราภิรักษ์ ตั้งอยู่ที่ภูคกงิ้ว บ้านท่าดีหมี ตำบลปากตม ประดิษฐานอยู่บนเนินเขาบริเวณปากลำน้ำเหืองจรดกับแม่น้ำโขง เป็นพระพุทธรูปปางลีลาประทานพร หล่อด้วยไฟเบอร์ผสมเรซิ่นสีทองทั้งองค์ สูง 19 เมตรตัวฐานกว้าง 7.2 เมตร สร้างขึ้นโดยกองทัพภาคที่ 2 และประชาชน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครบ 6 รอบ เมื่อ พ.ศ.2542 และในมหามงคลแห่งราชพิธิราชาภิเษก ครบ 50 ปี พ.ศ. 2543 สร้างแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2544 บริเวณโดยรอบสามารถชมทัศนียภาพที่สวยงามของแม่น้ำโขง และประเทศลาวได้ การเดินทาง จากตัวเมืองเลยทางหลวงหมายเลข 201 (เลย-เชียงคาน) ไป 47 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายบริเวณสามแยกตรงไปจนถึงบ้านท่าดีหมี่ แล้วเลี้ยวขวาที่โรงเรียนบ้านท่าดีหมี่ ไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร
แก่งคุดคู้ เป็นแก่งหินใหญ่ขวางอยู่กลางลำน้ำโขง ห่างจากตัวอำเภอเชียงคานประมาณ 3 กิโลเมตร ประกอบด้วย หินก้อนใหญ่ ๆ เป็นจำนวนมาก จากการที่หินเหล่านี้อยู่ใต้น้ำเป็นเวลานาน ทำให้หินเหล่านี้มีสีสัน ไปต่าง ๆ ตัวแก่งกว้างใหญ่เกือบจรดสองฝั่งแม่น้ำโขง มีกระแสน้ำไหลผ่านไปเพียงช่องแคบ ๆ ใกล้ฝั่งไทยเท่านั้นเอง ซึ่งกระแสน้ำเชี่ยวกราก เวลาที่เหมาะจะชมแก่งคุดคู้ที่สุดคือ เดือนกุมภาพันธ์ ถึง เดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นเวลาที่น้ำแห้ง มองเห็นเกาะแก่งชัดเจน บริเวณแก่งมีร้านอาหารจำหน่ายมากมาย
เชียงคาน
จุดชมวิวภูทอก ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเมืองเชียงคาน เป็นเพียงภูเขาลูกเล็ก ๆ แต่ ภูทอก แห่งนี้ก็มีเสน่ห์ที่เป็นจุดชมวิว ชมความงามของแม่น้ำโขง เมืองสานะคาม และแก่งคุดคู้ได้อย่างชัดเจน และเสน่ห์ยิ่งกว่านั้นของ ภูทอก ในฤดูฝนและฤดูหนาวจะถูกปกคลุมไปด้วยผ้าห่มหมอก หากได้มองจากยอดภูทอกจะเห็นเป็นทะเลหมอกได้แบบรอบทิศเลยทีเดียว การเดินทาง สามารถขับรถขึ้นไปได้ เริ่มจากซอยข้างโรงพยาบาลเชียงคาน ตรงไปเรื่อย ๆ จนถึงทางสามแยกตีนภูทอก แล้วเลี้ยวซ้ายตามถนนตัดใหม่ จะเป็นทางเข้าสู่เส้นทางขึ้นยอดภูทอก หากไม่ทราบเส้นทางที่แน่ชัดก็สามารถสอบถามคนเชียงคานได้เลย
ปัจจุบันแม้ว่าบ้านเรือนอาคารต่าง ๆ ภายใน เชียงคาน จะแปลเปลี่ยนดัดแปลงมาทำ โรงแรม เกสต์เฮ้าส์ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ แกลอรี่ ร้านขายของที่ระลึก ร้านขายโปสต์การ์ด ฯลฯ แต่ความเป็นเชียงคาน ก็ยังคงอยู่เฉกเช่นวันวาน วัฒธรรมการตักบาตรข้าวเหนียวยามเช้าแบบเมืองหลวงพระบาง ที่เชียงคาน ก็มีให้เห็นเหมือนเคย ในช่วงเวลาประมาณ 06.00 – 06.30 น. จะมีผู้คนมารอใส่บาตรข้าวเหนียวยามเช้าเป็นประจำทุกวัน
ในส่วนของที่พัก ในเมือง เชียงคาน มีให้เลือกมากมาย หลายแบบหลายสไตล์ ราคาคละเคล้ากันไป เริ่มตั้งแต่ประมาณ 300 บาทต่อคืน ไปจนถึงประมาณ 3,000 บาท ใครที่ต้องการดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
สมแล้วกับคำขวัญที่ว่า...เชียงคาน เมืองคนงาม ข้าวหลามยาว มะพร้าวแก้ว เพริศแพร้วเกาะแกง แหล่งวัฒนธรรม น้อมนำศูนย์ศิลปาชีพ
การเดินทาง
รถยนต์
เส้นทางที่ 1 : จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) ผ่านตัวเมืองสระบุรี ตรงเข้าทางหลวงหมายเลข 21 ผ่านจังหวัดเพชรบูรณ์ ต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 203 ผ่านอำเภอหล่มสัก หล่มเก่า เข้าเขตจังหวัดเลยที่อำเภอด่านซ้าย อำเภอภูเรือ ถึงตัวเมืองเลยใช้เวลาเดินทางประมาณ 7-8 ชั่วโมง
เส้นทางที่ 2 : จากสระบุรี ใช้ทางหลวงหมายเลข 2 มิตรภาพ ผ่านจังหวัดนครราชสีมา ถึงจังหวัดขอนแก่น แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 12 ผ่านอำเภอชุมแพ แล้วใช้เส้นทางหมายเลข 201 เข้าเขตจังหวัดเลยที่อำเภอภูกระดึง อำเภอวังสะพุง ถึงตัวเมืองเลยได้เช่นเดียวกัน
รถไฟ
จังหวัดเลยไม่มีสถานีรถไฟ นักท่องเที่ยวต้องเดินทางไปลงที่สถานีอุดรธานี และต่อรถโดยสารประจำทางไป จังหวัดเลยได้ สอบถามตารางรถไฟได้ที่ หน่วยบริการเดินทาง การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร.1690, 0 2233 7010, 0 2223 7020 หรือ สถานีอุดรธานี โทร. 0 4222 2061 www.railway.co.th
รถโดยสารประจำทาง
บริษัท ขนส่ง จำกัด มีรถโดยสารประจำทางวิ่งระหว่างกรุงเทพฯ-เลย ทุกวัน ทั้งรถธรรมดาและรถปรับอากาศ ใช้เวลาประมาณ 10 ชั่วโมง รายละเอียดสอบถามที่สถานีขนส่ง หมอชิต 2 โทร.0 2936 2852-66 www.transport.co.t
h
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น