ปราสาทสัจธรรม พัทยา
ความเชื่อ ความศรัทธา มักก่อเกิดผลงานอันอัศจรรย์ในโลกนี้ได้เสมอ อย่างเช่น ปราสาทไม้หลังหนึ่ง ที่ตั้งโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมอันงดงาม ริมทะเล ของเมืองพัทยา ปราสาทหลังนี้ผู้ริเริ่มแนวความคิด คือ คุณเล็ก วิริยะภัณฑ์ ผู้ริเริ่มสร้างเมืองโบราณและพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัน เกือบ 27 ปี ปราสาทสัจธรรมได้ถูกดำเนินการก่อสร้างขึ้น แม้ว่าผู้ริ่เริ่มแนวความคิดจะไม่ได้อยู่ชื่นชมผลงานในวันที่ปราสาทสร้างเสร็จแล้ว แต่การสร้างปราสาทไม้ก็ยังดำเนินต่อไปตามแนวคิดและจินตนาการที่คุณเล็กได้ตั้งใจไว้ คือให้ ปราสาทสัจธรรม เป็นสถาปัตยกรรมไม้ที่ใหญ่และงดงามที่สุด สามารถอวดสายตาชาวโลกได้อย่างน่าภาคภูมิใจ
ทริปนี้เป็นทริปแบบไปเช้าเย็นกลับเน้นที่ ปราสาทสัจธรรม เป็นหลักโดยตั้งใจจะไปเก็บภาพในช่วงบ่าย เพราะไม่ร้อนมากและเป็นช่วงที่มีแสงยามเย็นอุ่น ๆ ส่องเข้ามาภายในของปราสาทพอดี ปราสาทสัจธรรม เปิดตั้งแต่เวลา 08.00 – 18.00 น. เสียค่าชม ชาวไทยและชาวต่างชาติ 500 บาท, เด็กความสูงไม่เกิน 110 เซนติเมตร 250 บาท เรามาถึงที่นี่กันช่วงบ่าย 3 โมงกว่า ก่อนเข้าไปอย่าลืมหยิบหมวกกันกระแทกสีขาวมาด้วย เพราะบริเวณภายในปราสาท ยังมีการก่อสร้างอยู่ตลอดเวลา ใส่หมวกป้องกันไว้ก่อน
ปราสาทสัจธรรม เป็นการบอกเล่าเรื่องราวของศาสนา ปรัชญา จริยธรรม อารยธรรม วัฒนธรรมดีงามของชาวเอเชียตะวันออก ซึ่งสะท้อนถึงจริยธรรม วัฒนธรรม หน้าที่ ศีลธรรมในอดีต สู่รูปองค์เทพต่างๆ ก่อสร้างด้วยไม้ทั้งหมด แม้แต่ตัวล็อกที่เอาไว้เชื่อมไม้แกะสลักแต่ละชิ้นก็ไม่ใช้ตะปู แต่ใช้การเข้าเดือย ตอกสลัก ตอกลิ่ม และเข้าหางเหยี่ยว แบบไทย แสดงให้เห็นถึงความพิถีพิถันในแทบทุกรายละเอียด
สถาปัตยกรรมต่างที่สร้างขึ้นแต่ละชิ้นมีความหมาย อย่างเช่น ยอดหลังคาพรหมสี่หน้า ที่เห็นโดดเด่นอยู่ด้านหน้าปราสาท สร้างให้เป็นสื่อถึงคุณธรรมอันยิ่งใหญ่ของผู้ปกครอง ทั้ง พ่อ แม่ ครู อาจารย์ ผู้บริหาร ผู้นำประเทศ และพระเจ้าแผ่นดินที่ตั้งอยู่บน พรหมวิหารธรรม 4
หรือแม้แต่ยอดปราสาทแต่ะยอด ไม่ได้เป็นรูปสัตว์ในวรรณคดีหรือพญานาค แต่เป็นรูปแกะสลักองค์เทพและเทวดา
ลวดลายแกะสลักของบานประตู มนุษย์เราดูตัวเล็กไปถนัดตา
บันไดทางขึ้นสู่ภายในตัวปราสาท โดดเด่นด้วยงานแกะสลักของไม้หลากชนิด หลายคนอาจเข้าใจว่าปราสาจสัจธรรมใช้ไม้สักอย่างเดียวทั้งหลัง แต่จริงแล้ว ใช้ทั้ง ไม้สัก ไม้ตะเคียน ไม้ประดู่ ไม้มะค่า
เข้ามาภายในตัวปราสาทจะพบกับประติมากรรมไม้แกะสลัก วิจิตรพิสดารแทบทุกจุด
ใจกลางปราสาทจะเป็นห้องโถงใหญ่ มีบุษบงสถูปไม้สง่างามสื่อถึงสัญลักษณ์แห่งการหลุดพ้น
นอกจากนี้ยังแบ่งออกเป็นห้องจตุรมุข 4 ห้อง ตามทิศ เหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก ห้องนี้เป็นส่วนของด้านทิศตะวันตก เป็นเรื่องราวกำหนดโลกธาตุ ทั้ง 4 ที่สร้างสรรพสิ่งในทางโลกนี้ได้แก่ ลม ไฟ น้ำ ดิน ตามความเชื่อของศาสนาพรหม พุทธ ฮินดู
แสงในยามบ่ายเวลา 4 โมงเย็น ส่องมาประทบลวดลายแกะสลัก ถ่ายภาพไปบางทีแอบขนลุก แต่ไม่ได้ขนลุกเพราะความกลัวแต่ เป็นความรู้สึกทึ่งและตื่นเต้นที่ได้เห็นงานสวยๆ เช่นนี้ อารมณ์เหมือนสร้างมาจากจิตวิญญาณอย่างแท้จริง
ส่วนห้องนี้อยู่ทางด้านทิศเหนือ เป็นเรื่องราวของพระโพธิสัตว์ พระมัญชุศรี พระอมิตาพุทธ พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร กวนอิม โป๊ยเซียนและเซียนต่างๆ ตามคติ ของชาวพุทธมหายาน ให้มนุษย์รู้จักการให้แบ่งปันความสุขโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน เยี่ยงพฤติกรรมของพระโพธิสัตว์
ชอบงานแกะสลักของห้องนี้มากเป็นพิเศษ เพราะดูแล้วค่อนข้างยากและมีรายละเอียดมากเลยทีเดียว
เห็นครอบครัวนี้พาลูกน้อยมาเยี่ยมชมตัวปราสาทด้วย ก็รู้สึกดีใจ พ่อ แม่ ปลูกฝังให้เรียนรู้และรักความเป็นไทยตั้งแต่เด็ก
เดินชมก็จะมีแสงอาทิตยส่องมาแบบนี้แทบทุกห้อง ภายในตัวปราสาทค่อนข้างใช้ไฟฟ้าน้อยมาก จะมีใช้ส่องชิ้นงานเป็นจุดๆเท่านั้น ไมได้เปิดไฟสว่างทั้งหลัง เน้นแสงธรรมชาติมากกว่า
เดินผ่านมาอีกห้องหนึ่ง เจองานแกะสลักชิ้นนี้แอบตกใจ เหมือนมีชีวิต
ปราสาจสัจธรรมยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์ดี และยังคงสร้างและต่อเติมไปเรื่อยๆ และเนื่องด้วยตัวปราสาทเป็นไม้และอยู่ติดทะเลทำให้โดยไอเค็มของน้ำทะเลกัดกร่อนชิ้นหายให้เสียหายอยู่บ่อยครั้ง นอกจากชิ้นงานในส่วนที่จะต้องต่อเติมขึ้นมาใหม่แล้ว ยังต้องแก้ไขและบำรุงรักษาชิ้นงานเดิมด้วย ขณะที่เราเดินชมปราสาทไปก็จะเห็นคนงานกำลังทำงานกันอย่างขะมักเขม่น
เสาบางต้นก็ทำเสร็จเรียบร้อยแล้วแต่บางต้นยังไม่ได้ลงงานแกะสลักให้สมบูรณ์ดี
เก็บงานแกะสลักสวยๆ ภายนอกตัวปราสาทมาฝากกันซักหน่อย 6 โมงเย็นปราสาทใกล้ปิดแล้ว ระยะเวลา 3 ชั่วโมง ที่เดินเล่นถ่ายภาพ เพลินมากจนลืมเวลา
ก่อนกลับกรุงเทพผ่านร้านอาหารร้านหนึ่งบรรยากาศและแสงยามเย็นสวยดี เห็นป้ายหน้าร้าน ชื่อ มุมอร่อย ถึงบางอ้อ เพราะร้านนี้ คือ ร้านชื่อดังของเมืองพัทยา แวะมานั่งเล่นชมวิว รับประทานอาหารเบาๆรองท้อง
บรรยากาศดีเลยทีเดียว ตั้งอยู่ติดริมทะเล ลมพัดเย็นตลอดเวลา
สั่งอาหารมาทาน 3 อย่าง คือ ส้มตำปูม้า ยำทะเล และ กั้งทอดกระเทียม รสชาติอาหารทั้งสามอย่างอร่อยใช้ได้ ทริปนี้ ครบ อิ่มใจ กับการถ่ายภาพ อิ่มท้อง กินบรรยากาศ ยามค่ำในร้านอาหารวิวสวยๆ
หลายคนอาจมองว่าค่าเข้าชม 500 บาท ค่อนข้างแพง ก่อนที่จะได้เข้ามาชมตัวปราสาทด้วยตัวเองก็คิดแบบนั้นค่ะ ขณะที่กำลังซื้อตั๋วก็มีนักท่องเที่ยวบางคนเดินเข้ามาแต่พอเจ้าหน้าที่แจ้งราคาตั๋วก็เดินกลับไป ความจริงแล้วถ้าลองเข้ามาเดินชมสถาปัตกรรมภายในตัวปราสาทกันซักนิด ได้ชมงานแกะสลักที่อ่อนช้อย สวยงามทุกรายละเอียด ได้ทราบประวัติความยากลำบากในการสร้าง รวมทั้งการบำรุงรักษา แล้วคุณจะรู้ว่า 500 บาท ของการเที่ยว ปราสาทสัจธรรม คุ้มเกินคุ้ม
รายละเอียดเพิ่มเติม
คลิ๊ก ปราสาทสัจธรรม
โปรแกรมท่องเที่ยวตามทริป
10.00 น. เดินทางออกจากรุงเทพ
12.30 น. แวะรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารทะเล ร้านวังมุข แถวเขาสามมุก
15.00 น. เดินทางไปปราสาทสัจธรรม พัทยา
18.00 น. นั่งเล่นชมวิว รับประทานอาหารเย็นที่ ร้านมุมอร่อย เดินทางกลับกรุงเทพ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น